วันอาทิตย์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2561

#ก้าวร้อยก้าว (4) ผู้นำทุกคนล้วนพูดเป็น

มนุษย์ทุกคนเกิดมาล้วนพูดได้ แต่ผู้นำเท่านั้นที่พูดเป็น

แลดูจะเป็นการเล่นลิ้นต่อคำ เน้นใช้ศัพท์เฉือนความรู้สึก
แบ่งชนชนนั้นแบบจิกกันเล็กน้อย
สำหรับคำว่า สามัญชน และคนกลุ่มผู้นำ

แต่หากลองมองให้ลึกเข้าไป มันเป็นความจริงประการหนึ่ง
ที่คนสองกลุ่ม ถูกแบ่งกันด้วยคำพูด

บางคนพูดไปเพื่อแสดงออกถึงภูมิปัญญา
บางคนพูดออกเพราะเพียบแว๊บหนึ่งของจิตสั่ง
บางคนพูดได้ถูกฝึกสอนอบรมเป็นกระบวนการ
บางคนก็พูดเพื่อยกฐานะให้สังคมยอมรับ


ไม่ว่าจะเป็นผู้นำแบบเสแสร้งแกล้งเป็น
หรือผู้นำแบบผลิตขึ้นโดยสังคม โดยธรรมชาติ
ทุกคนที่เป็นผู้นำล้วนต้องพูดเป็น
คำว่าพูดได้กับพูดเป็น ก็ต่างกันตรงนี้

ว่าไปก็อาจคล้ายงานเขียนผม เข้าวันที่ 4
บางวันคนดูหลักร้อย บางวันคนดูหลัก 10 ก็ไม่ขึ้น
แต่ก็ดีครับ ผมคิดว่า page วัดคุณภาพ ได้มากกว่า เฟสบุ๊ค
เพราะบางที ความรัก ความเกรงใจ มันมีมากน้อยไม่เหมือนกัน

ในเพจจะเป็นโลกของความจริง
ที่การสื่อสาร จะต้องชัดเจน แหลมคม ทรงพลัง
หลายครั้งที่ผมลองผิดลองถูก
เรียนรู้กับการผลิต content หลายๆแบบ
แต่ก็ไม่อยากมองตัวเองว่าเป็นผู้นำอะไรหนักหนา

แต่อาจเพราะคนที่ถูกคาดหวังว่าเป็นผู้นำ
จำเป็นจะต้องใช้ทักษะสำคัญนั่นคือการสื่อสาร
เพราะคนทั่วไปหลักอันเป็นเลิศคือการฟัง คิด และลงมือ
แต่ผู้นำ จำต้องเพิ่มการบอกกล่าว เพื่อสร้างพลังทวี
ทำให้งานที่ทำอยู่ มีการขยายผล และแตกยอดออกไป

การสื่อสาร จึงเป็นหัวใจสำคัญของผู้นำ ทุกยุค ทุกสมัย
ไม่ว่าจะด้วยจิตวิญญาณ หรือ จากการบ่มเพาะ
แต่ผู้นำทุกคน ล้วนต้องมี เทคนิค ลีลา
การเล่าเรื่องอันทรงพลังเสมอ


ฉะนั้น เราอยากอยู่เหนือความเป็นธรรมดา
อยากผลิกชีวิต
จงคิดที่จะเติมต่อปัญญา ด้วยทักษะการพูด การสื่อสาร
เพราะการสื่อสาร คือ โซ่ร้อยรัดความสำเร็จ
ทุกยุคสมัย


เพื่อนๆหละครับ มีทักษะใดๆ ในการสื่อสารบ้างกันหรือยัง
21 สิงหา 2561

#ก้าวร้อยก้าว (3) ชีวิต คือการเรียนรู้ เพื่อเติบโต

หากต้องจำแนกคนออกเป็นกลุ่มๆ

สามารถแบ่งได้ 4 กลุ่มหลัก

ตามตำราที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวาง

.

หมี กระทิง หนู เหยี่ยว หรือ บางคนเรียกผู้นำ 4 ทิศ

.

ผมเคยเรียนตั้งแต่เริ่มเข้าหลักสูตร นักสานพลัง (นนส.)

เมื่องช่วงปี 2557 เพราะได้รับคัดเลือกจาก สช.

ให้ร่วมกระบวนการนี้

ซึ่งเป็นการสร้างผู้นำเพื่อหนุนเสริมงานนโยบายสาธารณะ

.

คน ที่แยกเป็น 4 กลุ่มหลัก หากว่าไปคือแยกตามอุปนิสัย

.

#หมี เป็นตัวแทนของความหนักแน่ สุขม ทรงพลัง

แม้จะถูกนินทาว่าเชื่องช้า แต่ก็เต็มเปี่ยมด้วยความรอบคอบเสมอ

.

#กระทิง ปราดเปรียว ดุดัน ว่องไว นึก ทำ ทันที

ควิกวินเข้าเป้า สำเร็จ และผิดพลาดเกือบพอกัน

.

#หนู ตัวแทนความอารี มือประสาน นักช่วยเหลือ ทำงานเป็นทีม

แต่ด้วยความเอื้อเฟื้อทุกสถานการณ์ ความกล้าคิดตัดสินใจจึงจำกัด

.

#เหยี่ยว เสมือนคนฟุ้ง ล่องลอย เจ้าแผนการ เจ้าคิด เจ้าเสนอ

เป็นเสมือนนักแสดง แต่ไร้แรงทำ แรงคิด หรือแรงหนุน

.

คน 4 กลุ่ม ล้วนมีจุดแข็งอ่อน ในด้านเด่น ด้อย แทบจะพอๆกัน

สาระสำคัญไม่ใช่เพื่อให้เราเห็น

แต่ต้องการให้เรา ท่าน ที่วิเคราะห์ตน หรือ วิจารณ์ผู้อื่น

เข้าใจว่าเขาเป็นเขา และเขาจะเป็นเขาที่ดีที่สุดได้อย่างไร

.

.

ในช่วงชีวิตของผม มีข้อผิดพลาด บกพร่องนับครั้งไม่หมด

บางเรื่องก็ด้วยพลาดพลั้ง บางเรื่องก็ตั้งใจ

แต่ผม ก็เสี่ยง เสี่ยงที่จะทดลองกับตัวเอง ในวัยที่ไปได้

ในจังหวะที่เหมือน เดินหน้า เติบโตได้

.

พอหวนกลับไปมอง บางจังหวะก็เสียใจ

แต่ เพราะพื้นฐานประสบการณ์เหล่านั้น

ทำให้เราเป็นเราทุกวันนี้

.

หากเทียบเป็นสัตว ผมคงเป็นเหยี่ยวในบางเวลา

เป็นกระทิงบางครั้ง เป็นหมีในการคิดทำสิ่งใดๆ

และเป็นหนูในขณะที่ลงมือทำ

.

บางตำราจะยกให้เราเด่นสักด้าน และขยายความชัดเจนออกมา

แต่สำหรับผม บางทีเราก็ไม่อาจจำเป็นต้องชัดเจนขนานั้น

เราเป็นเราที่ดีที่สุด เราเป็นเราที่เป็นประโยชน์

.

.

เพียงแท่านี้ ผมคิดว่าพอแล้วหละ

.

4 ด้าน 4 ทิศ หรือ 4 บุคลิกนี้ ตำราเขาว่าไว้ครับ

เพื่อนๆมีบุคลิกเด่นในด้านใด

หรือ คิดว่า เราเห็นควรเติบโตในทิศทางไหน

บอกกันบ้างนะครับ

.

.

20 สิงหา 2561

#ก้าวร้อยก้าว (2) จงเป็นผู้ที่มีวิสัยทัศน์อันแจ่มใส

วิสัยทัศน์ คงเป็นคำตอบเดียวที่ผมคิดได้ว่า ทำไมผมมาถึงจุดนี้


หลายช่วงชีวิต ผมเฝ้าถามตัวเองเสมอว่า


ทำไรเราจึงโชคดี ได้ยืนอยู่ในจุดสำคัญของชีวิตหลายครั้ง


.


บางคนไขว่คว้า บ้างลงเงิน ลงใจ


แต่สำหรับผม แถบจะเป็นจุดต่อจุด


.


ผมมองย้อนไปในระยะ 10 ปี ผมไม่เคยตกงาน มีงานทำต่อเนื่อง


มีแค่ช่วงเดียวที่ผมพยายามหางานประจำทำ


แต่ตอนนั้นก็เหมือนยังไม่ใช่จังหวะ


และดันได้งานไม่ประจำ โบยบินจนอยู่ไม่ติดที่


.


อะไรคือเครื่องผลักดันให้ผมไปอยู่ ณ จุดๆนั้น


.


#วิสัยทัศน์ ผมคิดว่า คำสั้นๆคำนี้ นิยามทุกสิ่งอย่างที่สร้างผมเป็นผม


.


ความประทับใจที่ผู้หลักผู้ใหญ่ได้เรียกใช้ไว่วาน


ความคิดที่เขาถาม อาจเพียงทดสอบ หรือ อยากได้ความเห็น


ความสำคัญในหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมายและเกิดคำถามเสมอว่า


ทำไมถึงเป็นเรา ???


.


.


ผมไม่ได้เกี่ยงงานนะครับ แต่มีคนเก่งๆเยอะแยะ แต่ทำไม


คำตอบก็คงเป็นเรื่องนี้แหละ


.


วิสัยทัศน์ ไม่ใช่สิ่งที่มีประดับองค์กร


แต่ควรมีเพื่อเป็นทิศทางให้คนจำนวนมากได้เห็น


ได้เข้าใจ ได้ทำความรู้จัก และออกแบบจังหวะก้าว


ให้ไปถึงเป้าหมายนั้น


.


ชีวิตของเราก็คงเช่นกัน เพราะคนรายรอบตัว


ทั้งเชื่อมั่น ศรัทธา ทั้งลังเล ริษยา ปะปนเดินชนไหล่กันทุกวัน


การมีชีวิตที่ไร้หลัก ขาดเป้าหมาย


ก็ไม่ต่างจากเรือขาดหางเสือ


.


การเติมหางเสือให้เรือมีทิศทาง การเติมวิสัยทัศน์เข้าไปในชีวิต


มันคงเป็นสิ่งอันชอบธรรม ที่เราท่านต่างพึงมี


เพราะขณะที่ชีวิตกำลังเล่นอยู่ในนาวาอันเกรียวกราด


.


บางห้วงคำนึง ใจย่อมอ่อนล้า และหากไม่มั่นคงต่อเป้าหมาย


หรือ ขาดวิสัยทัศน์ในการเดินทางแล้วนั้น


ชีวิตก็คงทิ้งอยู่ใต้มหาสมุทร


.


วิสัยทัศน์ที่ว่าของผม อาจเป็นเรื่อง


การของทำงานที่ได้รับมอบหมายให้ประสบความสำเร็จ


ไม่ว่าจะพบอุปสรรค์ใดๆ ก็ตาม เราจะผลักดันภาระกิจ


จนไปสู่คำว่าเร็จ


.


และสิ่งนี้เอง คงเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ทำให้เราพัฒนาตัวเองเสมอ


เพื่อพร้อมรับกับหลายๆเรื่อง


ที่อาจเข้ามาท้าทายศักยภาพ


.

.


.


จงเป็นผู้มีวิสัยทัศน์ที่แจ่มใสเสมอครับ


19 สิงหา 2561

#ก้าวร้อยก้าว (1) เพราะงานเขียนทำให้เราเปลี่ยนหลัก

ความวิเศษของชีวิต คือการเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ

.

จริงแล้วผมคงพูดนับครั้งไม่ได้

สำหรับการประกาศเริ่มต้นเขียน

หัวเรื่อง ‘ก้าวร้อยก้าว’ แม้ผมจะมีความสุขที่ได้เขียน

แต่หลายครั้ง การเขียนก็ดูเป็นภาระหนึ่งที่ต้องรับผิดชอบ

.

เพราะเมื่อมีคนอ่าน ก็ย่อมมีคนเขียน

ซึ่งคนอ่าน มาพร้อมความคาดหวังเสมอ

.

ผมเองไม่อยากให้งานเขียนที่ทำ

กลายเป็นงานเขียนที่สักแต่เขียน

เขียนอย่างไร้การเติบโต

หรือเพียงปลดปล่อยความคิดฟุ้งๆ

.

แต่อยากให้เกิดเรื่องดีๆ มีจุดเล็กๆ ที่เป็นเหมือนประกาย

ส่งต่อความคิด ความรู้สึกให้แก่ #ผู้อ่าน

.

.

หลังจากที่หายไปพักหนึ่ง

วันนี้ผมกลับมาเริ่มเขียนอีกครั้ง

“ความคิด ชีวิต และงาน”

เป็นเพจที่ผมตั้งใจเก็บเกี่ยวเรื่องราวในชีวิต

มาเล่าสู่กันฟัง

ผมเลือกด้านที่เป็นประโยชน์

ด้านที่เป็นเสมือนจุด ต่อจุด

ด้านที่หากไม่เป็นเปลวไฟ ก็ขอให้เป็นดังเปลวเทียน

.

.

ความวิเศษของชีวิต ก็คือสิ่งนี้ แหละครับ #การเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ

.

.

อาจด้วยความพร้อมหลายด้าน

ชีวิตผมช่วงสองสามเดือน

น้องๆผมใช้คำวา “เสถียร” มากขึ้น

เลยเหมาะสมที่จะผลิตงานเขียนขึ้นมา

เป็นรายชุด 100 เรื่อง ทุกวัน

.

ขอบคุณพี่ๆ ที่ทำงานใหม่ที่ให้โอกาส

ผมจึงได้มีเวลาทำประโยชน์ และฟูมฟักความคิดดีๆต่างๆ

.

และเพื่อกันเหนี่ยวไว้ ผมจึงออกแบบระบบ

เพื่อช่วยให้งานเขียน ไม่ขาดตอน

.

ก้าวร้อยก้าว จะเป็น เรื่องเล่า storytelling

ที่เล่าเรื่องราว แนวคิด ชีวิตหวานขม และงานที่เป็นพลัง

มองสู่พี่ๆน้องๆ ผู้อ่าน ทุกเช้า 7.00 น.

ส่งตรงที่หน้าจอ เพื่อสร้างพลังงานบวกให้กับชีวิตทุวกัน

.

ประมาณ 3 เดือนจากนี้ ผมจะรวบรวมเรื่องดีๆ ราววัน

หรือประสบการณ์ช่วงที่หายไป

เล่าสู่ให้พี่ๆน้องๆได้ฟังกันทุกเช้านะครับ

.

เพราะงานเขียนทำให้เราเปลี่ยนหลักชีวิต

ผมเองก็อยากเติบโต และสกัดสิ่งดีๆ เก็บไว้ทุกวัน

อยากให้มาติดตามกันครับ

.

รักคนอ่านครับ

18 สิงหา 2561

วิถีเตาถ่าน ก้าวพัฒนาการ

คำพูดหนึ่งของอาจารย์สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เคยกล่าวไว้ว่า การทำงานใหญ่ เสมือนการก่อไฟในเตาถ่าน เพราะองค์กรที่เคลื่อนไหวในสังคมหากติดไวอย่างเตาแกส ก็ดับไวเช่นกัน แต่การติดไฟในเตาถ่าน แม้ติดยาก แต่เมื่อติดแล้ว ทั้งคุณค่า พลังงานก็จะมีอานุภาพมากกว่า เตาแก๊สสมัยใหม่


ศิลปะในการจัดการองค์กรเสมือนการเลี้ยงไฟในเตาถ่าน การก้าวผ่านจากความฝันไปสู่เป้าหมาย ย่อมเกิดประสบการณ์ที่ทำให้เราเรียนรู้ ผมสรุปเป็น 3 เรื่อง

1. ไม่มีวิธีการตายตัว — องค์กรแต่ละองค์กร ย่อมีวิธีการก่อรูปแตกต่างกัน แม้จะมีวิธีการกลาง รูปแบบกลางๆ ที่ผ่านการตกลงร่วมกัน แต่แท้จริงแล้ว หลักการคือแนวทาง แต่ไม่ใช่แผนที่กำกับ เพราะการยืดหยุ่น การปรับใช้ จังหวะ คือศิลปะของนักบริหาร แม้มีวิธีการ คำแนะนำ แต่ท้ายที่สุดมันต้องขึ้นอยู่กับฝีมือของผู้นำองค์กร ไม่ต่างกับพ่อครัวที่ต้องพ้นผ่าน สะสมประสบการณ์ ใช้คำว่า กะๆ ชิมๆ เพื่อให้รสชาดอาหารรสเลิศ

2. ไม่มีปัญหาใหม่ — อันที่จริง โลกนี้ไม่มีความรู้ใหม่ ไม่มีปัญหาใหม่ แม้แต่สิ่งที่ผมเล่า ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ที่สุดในโลก ล้วนเป็นเรื่องเดิมที่ผมเติมรายละเอียดให้เพื่อนๆที่ตามผม รับสารได้เฉพาะกลุ่ม โลกนี้ไม่มีทุกข์ใหม่ หรือเรื่องที่ไม่มีใครเคยแก้ได้บนโลกใบนี้ เราล้วนอยู่บนสภาวะเดิมที่วนซ้ำ ทุกข์ สุข สลับกัน หากลองค้นหาดีๆ ประวัติศาสตร์จะสอนเราเสมอ เคยมีคนบางกลุ่มเคยเจอเรื่องที่เรากำลังเจอ หรือเจอหนักกว่า … ไม่มีปัญหาใดไร้ทางออก หรือหากไร้ทางออก เราก็จะรู้ว่าจุดจบของปัญหานั้นเป็นอย่างไร และแน่นอน เราแก้ไขได้เสมอ

3. ไม่เข้าใจไม่สำเร็จ — ทุกเรื่องบนโลกนี้ต้องเข้าใจ เข้าใจหลักการของมัน เมื่อเข้าใจ เราจะไม่มองว่าสิ่งนั้นคือปัญหา เราจะมองเห็นพร้อมวิธีแก้ไข เราจะไม่หลงกับโชคดี เพราะโชคดีไม่ใช่ความบังเอิญ เราจะสามารถ Copy โชคดี ให้เกิดขึ้นซ้ำได้ ภูเขามีหลายลูก แต่ทุกลูกมีขึ้น ต้องมีลง หากเราเข้าใจภูมินิเทศน์แห่งเหตุการณ์ เราจะรู้ว่า เรื่องนี้เราจะดำเนินมันอย่างไรต่อไป

วิถีของเตาถ่าน ไม่ต่างอะไรกับชีวิต ชีวิตที่ละเมียดละไม่ ทำให้เราได้ค้นพบพลังบางสิ่ง ได้พบประสบการณ์ และเข้าใจจังหวะของชีวิตที่เราแต่ละคนต้องดำเนินต่อกันไป

7 กรกฎา 60 #ก้าวพัฒนาการ

ค้อมใจให้เฝ้าฟัง Deep Listening (1)

ในสังคมที่ต่างมีความซับซ้อนมากขึ้น การเฝ้าฟังเป็นเรื่องยากขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ เราฟังคนข้างๆเราน้อยลง คนในชุมชน คนในที่ทำงาน คนในบ้าน ครอบครัว หรือแม้แต่กระทั่งใจเรา

สื่อต่างๆ มือถือ โทรทัศน์ อินเตอร์เน็ท เข้ามามีบทบาทควบคุมชีวิตเรามาก จนกระทั่งดึงตัวเรา สติของเรา ให้หลุดหลุดไปเสพสิ่งเหล่านี้บ่อยครั้ง ซึ่งผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่มักหลุดไปอยู่กับสิ่งเหล่าที่กล่าว มา



ค้อมใจให้เฝ้าฟัง จะเป็นบันทึกเรื่องเราวการเดินทางเข้ามาค้อมใจตนเอง ฝึกหัดความคิด ชีวิต ที่ไม่ต่างกับลิงที่ซุกซน วุ่นวนเสมอๆ ให้อยู่อย่างเป็นที่ ฝึกหัดใจตนให้นิ่ง และมีพลัง
ผู้ยิ่งใหญ่ในตน คือ ผู้ยิ่งใหญ่ที่ชนะในทุกสิ่ง

ผมชื่อว่าคนเราแต่ละคนย่อมต้องการเติบโต เพราะการเติบโตเป็นพันธกิจกที่สำคัญของชีวิต ใครก็ตามที่ไม่เติบโต นั่นหมายถึง เขาผู้นั้นกำลังเลือกที่จะเสื่อมถอย และก้าวไปสู่ความตาย

ค้อมใจให้เฝ้าฟัง จะเป็นอีก diary ที่เลือกบันทึกแต่ มุมมองในการพาตัวเอง ฟังเสียงของใจตัวเอง ความโกรธ ความเครียด ถอดระดับผ่านกระบวนการฟังอย่างลึกซึ้ง ฟังเสียงของใจเรานี่แหละ และถ่ายทอดออกมากเป็นตัวอักษร แชร์ให้กับเพื่อนๆ ที่อยากเติบโตภายในเช่นกัน

โลกนี้มีสื่อมากมายครับ ผมเองจะเป็นอีกหนึ่ง Content ที่มีแนวเนื้อหา ประเภทพัฒนาตนเอง หากเพื่อนๆ เป็นคนที่ชื่นชอบในบทความผม และฟัง(อ่าน) บทความของผมได้อย่างออกอรรถรส ขอเดินตามกันมาครับ เพราะจากบทความนี้ จะนำพาพวกเราเติบโตและเปลี่ยนแปลไปตลอดกาล
เราจะเติบโตด้วยกัน นี่ไม่ใช่คำโฆษณา แต่เป็นคำมั่นสัญญาของผมครับ

นฤเทพ
4 กรกฎา 60 
#ค้อมใจให้เฝ้าฟัน

#จิตแห่งเจิง “.”..เจิง..” คืออะไร


คำว่าเจิงแลดูจะเป็นคำทางลบเสียช่วงเวลาหนึ่ง จะเป็นไปในแนวทางเย้ยหยันก็ไม่ปาน แต่ คนที่มักถูกเย้ย หรือ “เซ้ย” ตามความเป็นไปทางเหนือล้านนา ประหนึ่งว่าเป็นคนพอตัว




เจิงดี ชั้นเชิงดี ลีลาแพรวพราว ลูกล่อลูกชน จนกระทั่ง ปลิ้นปล้อน เพลบอย ก็ล้วนมีเจิงทั้งสิ้น ว่าไปแล้ว ก็เมือนวงเวียนที่มีสูงได้ต่ำได้ แล้วแต่จะเลือกใช้งาน




ผู้มีเจิง มีเชิงชั้นนับแต่อดีตที่ข้าพเจ้ารู้จัก ก็ล้วนแต่เป็นคนชั้นนำในสังคม เพราะผู้มีเจิง มักได้ชื่อว่าเป็นคนที่ได้รับโอกาส เรียนรู้ อยู่ในกลุ่มวิชาชั้นแนวหน้า เหตุผลอาจเพราะ วิชาการในอดีต ไม่ได้มีวางเกลื่อนกลาดขนาดนี้




จะมีเพียงกลุ่มคนชั้นนำ ที่ได้เรียนรู้ หรือ ผู้มีบุญในกลุ่มคนสามัญที่เจอครูดีโดยบังเอิญ (ว่าไปก็เหมือนหนังจีนเนาะ)




ยิ่งได้เรียนเจิงด้วย จึงนับเป็นการเข้าสู่ยอดของปรัชญาชีวิตวิถีผู้คนล้านนา




เหตุผลอาจเพราะ มันคือ ปรัญชา คือจิตวิญญาณ คือสายสัมพันธ์ที่ถูกเรียบเรียงเป็นวิถีคนเมือง คนล้านนา หรือ คนแคว้นหริภุญชัย และวิชานี้ก็เลือกสรรผู้เรียนรู้ ให้ได้เข้าสู่สรรพวิชา




นับวันลมหายใจแห่ง_เจิง_โรยรินลงทุกขณะ




วิชาการไม่เสื่อม เสื่อมที่ผู้ใช้ คำสอนก็ไม่เสื่อม เสื่อมที่ผู้นำไปยึด เจิงก็เช่นกัน อย่างที่บอก เจิงมีทั้งดีและร้าย มีทั้งถูกและผิด เปรียบดังเหรียญสองด้านเสมอ มีทั้งสูงแลต่ำ การใช้เจิงเพื่อการดี ก็เป็นคุณแก่บ้านเมือง การใช้เจิงเพื่อการร้าย ก็เป็นภัยแก่ผู้คน




เจิงจึงเป็นดังวิชากที่ถูกสาป วิชาเลือกผู้รู้ วิชาเลือกผู้เหมาะสม

อาจเพราะใจคนนับวันโรยราไป ตามวิถีแห่งเทคโนโลยีที่กระทบกับชีวิตของคนทั้งโลก จึงหาผู้สนใจฝนตนบนสายนี้น้อยลง




วิชายังคงดีอยู่เสมอ เพียงแต่คนหัด คนเล่น จะเข้าถึงได้มากน้อยเพียงใด สุดแต่วาสนา




ข้าพเจ้าเองก็เป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งที่สัมผัสในวิชานี้ และพยายามตีความ “..เจิง..” ท้าทายท่วงทำนอง และวงจรแห่งเจิง ถูกบ้างผิดบ้าง สุดตามปัญญาที่มี




หากสรุปว่าเจิงคือสิ่งใด ข้าพเจ้านึกได้แต่เพียงภาพนี้ ว่าเจิงคือสิ่งนี้ คือวงจร คือวงกลมสองวงที่ผ่านสานกันเป็นเส้นเดียว แลหมุนวน ทั้งบนล่าง




เปรียบเป็นวงจรของแห่งเส้นชีวิต เป็นหลัก เป็นแก่น ของวิชาเจิง ซึ่งข้าพเจ้าเชื่อว่า เจิง มีเอกลักษณ์เป็นของตนเองในทิศทางนี้




หากผู้รู้ ผู้สันทัดวิชาการ จะชี้แนะประการใด ข้าพเจ้าน้อมรับ เพื่อปรับรู้ ตื่น และเบิกบานทางปัญญาครับ




ขอบพระคุณ

๒๒ มิถุนายน ๒๕๖๑

วันเสาร์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2561

ปีนี้(2561)ส่วนที่รับผิดชอบถือว่าสำเร็จไปได้ด้วยดี

ปีนี้(2561)ส่วนที่รับผิดชอบถือว่าสำเร็จไปได้ด้วยดี
.
ถือเป็นภาระกิจที่รับผิดชอบ ในงานสืบสานวัฒนธรรม สืบสานเจิงการต่อสู้(ส่วนของลำพูน) ผ่านการแสดง ผ่านการฝึกฝน ที่สำเร็จได้ด้วยดี แน่นอนว่าปีนี้ มีหลายเรื่องที่สำเร็จ หลายเรื่องที่ผิดพลาด
.
เมื่อวานร่วมแสดงในกิจกรรมพระแม่นั่งเมือง เช้าแสดงที่สำนักสงฆ์กู่แก้วนาคราช เย็นฟ้อนถวายพระนางเจ้าจามเทวี ลานเจ้าแม่ ยอมรับว่าเราไม่ใช่นักแสดง เราไม่มีทักษะเพื่อการถ่ายทอดให้งดงามเสมือนพี่ๆที่เป็นเส้นสายทางนี้
.
แต่สิ่งที่ทำ สิ่งที่ปรากฎต่อสายตา เป็นเพียงความตั้งใจของพวกเรา ที่จะสืบสานยุทธศิลป์ ให้คงอยู่ บนวิถีทางของตนเอง บนแนวทางของชีวิต แต่ละคนทำงานหลากหลาย มีหน้าที่แตกต่าง
.
เราไม่อาจฝึกฝนเพื่อหาเลี้ยงชีพได้ด้วยศาสตร์โบราณ เช่นก่อนกาลสมัย แต่ เรายังสนใจที่จะสืบทอดต่อไป เพื่อส่งต่อมรดกที่แบกไว้ให้แก่คนรุ่นต่อไปมารับเอา
.
ปีนี้ถือเป็นการเติบโตจากปีที่แล้ว ขึ้นอีก เท่าหนึ่ง จากหนึ่ง เป็น 2 เป็น 4 เป็น 7 ขอบคุณ เอ็ม เบ็น Ben Vittawat ยุทธนา ศรีทิพย์ (Yuthana Srithip) คู่นี้หากไม่มีน้องทั้งสอง เราคงไม่เป็นเราเช่นวันนี้ การฝึกฝน ที่ผ่านมาเพราะมีเอ็มและเบ็น ทำให้การฝึกหลายรูปแบบเป็นไปได้มากขึ้น
.
และด้วยวิสัยทัศน์ของเบ็น ก็ทำให้เกิดชุดเครื่องแต่งกาย ที่ดังหลุดจากจิตกรรมทำให้ใกล้เคียงกับความเป็นโบราณที่มีชีวิต
.
ขอบคุณ นน โอม Ohm Mho Non Settapong Kanlapasanti ที่เป็นคนเปิดประเด็น ฝึกฝน และชัดชวน ตี๋ เจ๋ง Gunkanok SopaviboonratKankanok Sopaviboonrat เข้ามาฝึกร่วมด้วย จนทำให้ครูเองเล็งเห็นจุดบกพร่องบางอย่างในการสอนตลอด 10 กว่าปี และเห็นทิศทางในการพัฒนางานสืบสานที่ชัดเจนมาขึ้น
.
ขอบคุณ เต็ก นุก เจี๊ยบ เฝอ ใจดี Kranook Plaza เฌอเบท มะนาว แม้เราจะรู้จักกันไม่นาน แต่ผมมีความเชื่อว่า วันข้างหน้า เราจะมีพื้นที่ร่วมกัน ในการสืบสาน วิชาเจิง ให้คงอยู่ อย่างมีชีวิต
.
เราเรียนเจิง เล่นเจิง บนฐานของความสนใจ บนเงื่อนของของความเป็นปัจจุบัน และยืนอยู่บนวิวัฒน์ที่ท้าทายมาก ท้าทายกระทั่งการฝึกฝน ว่าเราจะมีเวลาฝึกกันหรือไม่ การฝึกที่ไม่ใช่ฝึกเพียงเพื่อออกแสดง แล้วจบ
.
แต่เป็นการฝึกฝนที่สร้างความเข้มแข็งภายในใจ เข้มแข็งทางกาย และเข้มแข็งทางปัญญา ที่จะถูกหยิบใช้มาอย่างฉับพลันในสถานการณ์คับขันของอนาคต
.
ครูทรงชัย สมปรารถนา (ครูป๋อง) ท่านสอนเสมอว่า เราฝึกวิทยายุทธตลอดชีวิต เพื่อใช้ในชีวิตแค่ครั้งเดียว เราคงไม่รู้แน่ว่า ครั้งนั้นที่ว่า คือจังหวะไหน และบางทีเราอาจภาวนาให้ไม่ต้องใช้ก็เป็นได้
.
แต่ที่สุด นอกจากแก่ของการใช้งาน หลักสำคัญของการฝึกฝนอย่างสมำเสมอ จะทำให้เรามีสุขภาพ กาย จิต และปัญญา ที่เข้มแข็ง พร้อมรับกับทุกเรื่องที่เข้ามาเสมอ
.
ขอบคุณพวกเราทุกคน
16 ธันวาคม 2561